วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2551

ความรู้กับวรรณคดีสมัยสุโขทัย

ราชอาณาจักรไทยนั้นเริ่มต้นในตอนที่กรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ซึ่งพ่อขุนบางกลางหาวและชนชาวไทยได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อราว พ.ศ. ๑๘๐๐ และดำรงเอกราชมาจนถึง พ.ศ. ๑๙๒๐ วรรณคดีก็อยู่คู่กับคนไทยมาตั้งแต่สมัยนั้น ดังนั้นวรรณคดีจึงสะท้อน สภาพความเป็นอยู่ การดำเนินชีวิต คติความเชื่อ ของคนในสมัยสุโขทัยนั้น ให้คนรุ่นหลังอย่างพวกเราได้รู้ได้ศึกษา และ ภูมิใจว่าชาติของเรานั้นมีประวัติอันยาวนาน ซึ่งเกิดจากการสั่งสมของบรรพบุรุษ ทำให้เป็นอารายธรรมหรือวัฒนธรรมที่เป็นของเราเองที่น่าสนใจอย่างมาก ซึ่งวรรณคดีที่สะท้อนถึงชีวิตความเป็นอยู่ในสมัยสุโขทัยมีดังนี้ ศิลาจารึกหลักที่ ๑ จารึกสุโขทัย สุภาษิตพระร่วง ไตรภูมิพระร่วง นางนพมาศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงชีวิตความเป็นอยู่ได้อย่างชัดเจนทีเดียว
วรรณคดีศิลาจารึกหลักที่ ๑ จารึกสุโขทัย ได้แสดงถึงวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของคนในสมัยได้อย่างชัดเจน แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองในสมัยพ่อขุนรามคำแหง ทั้งทางด้านภาษาแสดงถึงการใช้คำในสมัยก่อน ขณะนั้นเป็นครั้งแรกที่มีอักษรใช้แสดงถึงความรุ่งเรืองทางด้านภาษา อีกทั้งยังแสดงถึงประวัติศาสตร์ด้านโบราณคดีและด้านการเมืองการปกครอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มีการปกครองแบบพ่อปกครองลูก การใช้ภาษากับกษัตริย์นั้นยังคงไปภาษาธรรมดาไม่มีการแบ่งเป็นราชาศัพท์ อีกทั้งยังแสดงถึงศิลปวัฒนธรรมทั้งทางด้านสถาปัตยกรรมซึ่งมักเกี่ยวข้องกับศาสนสถาน ทั้งด้านศิลปกรรมเกี่ยวข้องกับพระพุทธรูป แสดงถึงความเชื่อความศรัทธาในศาสนาไม่ว่าจะทำสิ่งใดคนในสมัยนั้นก็จะมีพิธีกรรมทางคติความเชื่อ ซึ่งได้รับการกล่าวในศิลาจารึกหลักที่ ๑ จารึกสุโขทัยว่า คนในสมัยนี้มักทาน มักทรงศีล มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา อีกทั้งยังมีความเชื่อในผีสางเทวดาอีกด้วย สดท้ายได้กล่าวถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสังคมอีกด้วย ส่วนในวรรณคดีสุภาษิตพระร่วงนั้นได้กล่าวถึงการทำความดีหลักทางศาสนา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนไทยในสมัยนั้นมีความเลื่อมใสและศรัทธาในศาสนาเป็นอย่างมาก และ คนในสังคมน่าจะมีคุณธรรม ส่วนในวรรณคดีเรื่องไตรภูมิพระร่วงนั้นแสดงให้เห็นถึงความเชื่อเรื่อง ศาสนาพุทธ ศาสนาพราหมณ์ และความเชื่ออื่นๆได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะศาสนาพุทธ เพราะไปกล่าวถึงภูมิทั้งสาม มีเนื้อหาที่สำคัญคือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว นับว่าเป็นหนังสือที่สอนได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ในการปกครองสมัยโบราณเพราะทำให้คนเกรงกลัวต่อบาปและเห็นผลของการทำความดี ยิ่งกว่านั้นยังอ้างอิงได้ในเรื่องของภูมิศาสตร์ของโลกตามความเชื่อถือของคนสมัยโบราณ รวมทั้งประวัติของเทวดา พระจักรพรรดิ อมนุษย์ และสัตว์ต่างๆในนิยายอีกด้วย ส่วนเรื่องสุดท้ายคือวรรณคดีเรื่องนางนพมาศได้แสดงถึงสิ่งที่มีประโยชน์ที่ควรค่าแก่การศึกษาในด้านสังคม ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เป็นต้น ได้กล่าวถึงวัฒนธรรมประเพณีต่างๆในสมัยก่อนนั้น จะเห็นได้ถึงความเป็นอยู่ของคนในสังคมที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งมักเกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์ และ ศาสนาพุทธ เช่น พิธีตรียัมปวาย พิธีวิสาขบูชาเป็นต้น
จากการศึกษาวรรณคดีในสมัยสุโขทัยมีดังนี้ ศิลาจารึกหลักที่ ๑ จารึกสุโขทัย สุภาษิตพระร่วง ไตรภูมิพระร่วง นางนพมาศ ซึ่งสะท้อนถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสังคมขณะนั้นได้อย่างชัดเจนทีเดียว คือ ความเป็นอยู่ส่วนใหญ่ของเราในสมัยกรุงสุโขทัยนั้น มักเกี่ยวข้องกับศาสนา ผู้คนอยู่ในศีลในธรรม มีความเลื่อมใสศ ศรัทธา ศาสนาพุทธ ศาสนาพราหมณ์ และ ความเชื่ออื่นๆที่เกี่ยวกับผีสางเทวดา ถึงสังเกตได้จากพิธีกรรมต่างๆต้องมีศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น วรรณคดีจึงสะท้อน สภาพความเป็นอยู่ การดำเนินชีวิต คติความเชื่อ ของคนในสมัยสุโขทัยนั้น ให้คนรุ่นหลังอย่างพวกเราได้รู้ได้ศึกษา และ ภูมิใจว่าชาติของเรานั้นมีประวัติอันยาวนาน ซึ่งเกิดจากการสั่งสมของบรรพบุรุษ ทำให้เป็นอารายธรรมหรือวัฒนธรรมที่เป็นของเราเองที่น่าสนใจและควรแค่แก่การศึกษาเป็นอย่างมาก

ไม่มีความคิดเห็น: