วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2551

ยินดีต้อนรับ

ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่บล็อคของผม ซึ่งจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับตัวผมเอง และ เขียนเกี่ยวกับประสบการณ์ความรู้ที่ได้รับจากการฟังวิทยากรในโครงการพัฒนาศักยภาพนักเรียนที่มีควมาสามารถพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาอันเป็นที่รักยิ่งของข้าพเจ้า เพื่อให้ผู้อื่นได้รับความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเราได้รู้มาว่าเราได้ทำอะไรกันบ้าง ของเชิญไปดูกันเลยนะครับ

สวัสดีครับ

ผมชื่อ นาย ภาสันต์ อิทธิปัญญานันท์ ซึ่ง ภาสันต์ แปลว่า แสงแห่งพระอาทิตย์ หรือ ผู้มีความสุข อิทธิปัญญานันท์ แปลว่า พลังแห่งปัญญา แปลรวมๆกันได้ว่า ผู้มีความสุข ด้วยแสงอาทิตย์แห่งพลังปัญญา เรียกสั้นๆว่า เฟรน ไม่มี ด์ นะ แปลว่าเพื่อน เกิดวันที่ 3 มีนาคม 36 (3336) อายุ 15 ปี
ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.4 โรงเรียน เตรียมอุดมศึกษา ห้อง 813 ตึก คุณหญิงหรั่ง สาย วิทย์ขคณิตขคอมพิวเตอร์ และเป็นกิ๊ฟวิทย์รุ่นที่6
จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หอวัง ดินแดนแห่งบัวพระเกี้ยว รั้วน้ำตาลเหลือง ส่วนตอนประถม อยู่โรงเรียนไผทอุดมศึกษา
เกิดเป็นไทย สัญชาติไทย รักเมืองไทย นับถือศาสนาทุกศาสนา ศรัทธาในทุกๆศาสนา แต่ยึดพระพุทธศาสนาป็นหลัง เพราะเป็นหนทางแห่งนิพพาน
สีที่ชอบคือ สีเขียว ดำ ขาว สิ่งที่เกลียดไม่มี สัตว์เลื้อยคลาน แมลงไม่กลัว แต่น่ารัก งานอดิเรกที่ชอบคือ การได้ ร้อง เล่น เต้น ดิ้น อ่านหนังสือ ขีดเขียนอะไรบ้าๆก็ชอบ ยังชอบเลี้ยงสัตว์ และชีวิตจิตใจ และปลูกต้นไม้ เล่นเกมคอมพิวเตอร์ เช่น เกมเมเปิ้ล ชอบไสยศาสตร์มีคาถามากพอใช้ประโยชน์ แต่ไม่ได้เป็นพวกอวิชานะ (ขอร้องอย่าลองของ อย่าปล่อยของมาไม่ชอบ กลัว เพราะเราพอรู้นิดเดียวเอง) และยังชอบอย่างอื่นอีกมากมาย

ภวตัณหา คือความอยากในสิ่งที่ต้องการ อยากมี อยากเป็น
อันดับแรกอยากเป็นหลีดประจำตึกคุณหญิงหรั่ง
อันดับสองอยากเป็นคนที่ช่วยเหลืองานโรงเรียน
อันดับสามอยากเป็นคนที่สามารถเต้นฮิพฮอปได้
อันดับสี่อยากเล่นดนตรีได้ เช่น ไวโอลิน และ พรุ๊ท

อันดับที่ห้าอยากเป็นคนมีมนต์ในทางสายขาว
อันดับที่หกอยากเป็นหมอ
อันดับที่เจ็ดอยากเป็นนักเขียน
อันดับที่แปดคนเขียนเกม
อันดับเก้าอยากเป็นสิ่งอื่นๆที่ต้องการ
ความสนใจ
การเขียนนิยาย
การเขียนเกม
การออกแบบกราฟฟิก
การเต้นฮิพฮอป
การเล่นไวโอลิน
การเล่นฟรุ๊ท
ภาษาไทย
ภาษาบาลี
อิยิปต์วิทยา
ภาษาละติน
ศาสตร์การสะกดจิต
จิตวิทยา
ศาสตร์เวทมนต์
ศาสตร์มายากล
สัตวิทยา
ต้นตะบองเพชร

ความรู้ที่ได้รับจากการไปชมงานสัปดาห์ทางวิทยาศาสตร์ที่ไบเทคบางนา




ในวันที่ 16 สิงหาคม 2551 ผมและเพื่อนๆไปรับมอบหมายให้ไปชมงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ที่ไบเทคบางนาในเวลา 14.00 น. เพื่อมาร่วมกิจกรรมในหัวข้อเรื่อง “เรียนวิทยาศาสตร์อย่างไรให้สนุก” ซึ่งเป็นการจัดงานของ สวทช และท่านวิทยากรจากคณะวิทยาศาสตร์ มหาลัยมหิดล ก็ได้มาฝึกทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ของพวกเราโดยการทดลองนั้นเอง และก่อนการทดลองนั้น ท่านได้อธิบายก่อนว่าจะให้ทำอะไร โดยที่ท่านจะถามไปด้วยอธิบายไปด้วย เพื่อให้เราได้ฝึกคิดว่าเราจะทำอะไร อย่างไร และผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร การทดลองในวันนี้ก็เกี่ยวกับเอนไซม์ ก่อนก่อนท่านก็อธิบายว่า เอนไซม์คือตัวเร่งปฏิกิริยาในการทำอะไรบางอย่าง โดยปกติแล้ว หากไม่มีเอนไซม์มันจะเกิดได้ แต่น้อยและนานมากๆ จนแทบไม่รู้เลยว่ามันเกิด เพราะในการทำปฏิกิริยาใดๆนั้นต้องใช้พลังงานที่สูงมาก แต่เอนไซม์นั้นจะไปช่วยในการลดพลังงานที่ต้องใช้ลงอย่างมาก ทำให้สามารถเกิดปฏิกิริยาได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นท่านจึงให้เราทดลอง 2 การทดลองด้วยกัน
การทดลองแรกนั้นท่านได้บอกว่าเราเคยสังเกตไหมว่าทำไมผลไม้ถึงปลอกมาและทิ้งไว้จะมีสีดำ ผมก็นึกเคยสงสัยว่าทำไม เราจะกินแอปเปิ้ลและปลอกทิ้งไว้ ไปเข้าห้องน้ำออกมาก็ไม่น่ากินแล้ว เป็นสีดำไปหมด แต่มาดูไปดูมาก็ไม่ค่อยสนใจมันสักเท่าไหร่ คือว่าเป็นยางที่มันแห้งเลยเปลี่ยนสีเหมือนเลือดคน ท่านก็บอกว่านี่คือเอนไซม์ ที่ทำให้ผลไม้เปลี่ยนสี มีชื่อว่า Tyrosinase มันจะช่วยในการทำปฏิกิริยาของสารในผลไม้และออกซิเจนในพืชให้เกิดเร็วขึ้น ท่านจึงถามว่าจะทำอย่างไรให้ผลไม้ไม่ดำ ท่านจึงให้ผลมะเขือเปราะมาทดลอง เราก็บอกกันว่าให้เราแช่นำมันไว้ ไม่ให้ออกซิเจนเข้าไปทำปฏิกิริยา เหมือนธาตุโซเดียม และก็มีบางคนบอกว่าน้ำเปล่าบาง น้ำเกลือ น้ำปูนใส น้ำมะนาวบ้าง แล้วท่านก็ให้สารมา 3 ชนิดคือ น้ำ น้ำเกลือ และ น้ำมะนาว และให้ทุกคนลองคิดว่าสารไหนแช่แล้วจะทำให้ดำ ผมก็คิดในใจว่าเป็นน้ำเพราะเวลาดับไปเขาใช้นำไล่ออกซิเจน โดยลืมนึกไปว่า น้ำเกลือ น้ำมะนาวก็ดับไฟได้เช่นกัน ท่านบอกเราว่า นักวิทยาศาสตร์ต้องมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องถูกต้อง เสมอไป ท่านก็ให้เราทดลอง ซึ่งความยากอยู่ที่เราต้องหั่นมะเขือเปราะให้ขนาดเท่าๆกัน ในเวลาที่ใกล้เคียงกันและรวดเร็วพอสมควร สามารถฝึกกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างดีทีเดียว แล้วเราก็รอ ปรากฏว่าในน้ำมะนาวนั้นไม่ดำ ท่านบอกว่าโปรตอนในกรดจะไปจับตัวกับเอนไซม์นั้นเอง ทำให้มันเสียรูปไม่สามารถทำงานได้ มันจึงไม่ดำ เพราะคิดแต่การไม่ให้สารตั้งต้นนั้นเองเราจึงคิดผิด เพราะที่จริงแล้วเราสามารถทำลายตัวเร่งปฏิกิริยาได้ ซึ่งง่ายกว่าและทำได้ดีกว่า จึงทำให้เราได้รู้ว่าเรานั้นไม่ควรคิดอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งพียงด้านเดียวควรคิดหลายแนวทาง ซึ่งการทดลองนี้ได้สอนให้เรารู้อะไรหลายอย่างที่ไม่เคยได้รู้ ทั้งมีประโยชน์ และ สนุกมาก
ต่อมาท่านก็ได้ให้เราทดลองเกี่ยวกับเราเอนไซม์อีก โดยเอนไซม์ตัวนี้ชื่อว่า Catalase โดยมันจะช่วยเร่งปฏิกิริยาในการแตกตัวของ H2O2 ให้กลายเป็น H2O และ O2 ท่านอธิบายว่าเอนไซม์ตัวนี้ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาในร่างกายเพื่อกำจัด H2O2 ออกไปโดยเปลี่ยนให้เป็นน้ำ และออกซิเจน ซึ่งเป็นสารพิษที่ร่างกายไม่ต้องการหลังจากการเผาผลาญพลังงานงาน เพราะถ้ามีมากจะเป็นพิษต่อร่างกาย ท่านจึงให้ทายว่าเอนไซม์ตัวนี้จะอยู่ที่ไหน เราก็คิดว่าต้องอยู่ในเซลล์ที่ต้องการพลังงานมากๆอย่างแน่นอน ปรากฏว่ามันไม่ได้เพราะมากที่ไหนแต่พบมากที่ตับนั้นเอง ตับต้องกำจัดสารพิษจากร่างกายทำให้จำเป็นต้องมีเอนไซม์ตัวนี้มาก ทำให้ผมได้คิดว่ามันไม่จำเป็นต้องกำจัดตรงที่ทีสารพิษเกิดแต่ว่ามันจะกำจัดตับซึ่งทำหน้าที่ ทำให้รู้ว่าอวัยวะต่างๆมันจะมีหน้าที่ของมันเอง แต่ว่าเราไม่มีตับคน และ H2O2 บริสุทธิ์ เราจึงดัดแปลงทำให้เกิดกระบวนการคิด เปลี่ยนเป็นตับหมู และใช้ H2O2 จากน้ำยาล้างแผลแทน แต่ปัญหาคือเราจะทำไปทำไม พอดีมีเพื่อนแอบดูสิ่งที่จะมาทดลองเราจึงรู้ว่า ให้ทดลองเกี่ยวกับอุณหภูมิ ท่านจึงถามว่ามันจะทำงานได้ดีในอุณหภูมิไหน คือร้อน เย็น และอุณหภูมิร่างกาย ผมจึงคิดว่าต้องเป็นอุณหภูมิร่างกายอย่างแน่นอน เพราะเราได้นำความรู้เดิมมาใช้ ว่าเอนไซม์จะต้องทำงานได้ดีในสภาพที่เหมาะสม ซึ่งตับอยู่ในคนก็ต้องน้ำอุณหภูมิร่างกาย เราจึงทดลองโดยใช้ H2O2 ในปริมาณที่เท่ากันใส่ตับลงไป แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าไม่มีมีด เราจึงใช้ไม้จิ้มฟันแทน จิ้มให้ตับติดขึ้นมาในปริมาณที่เท่ากัน และแช่ลงไปในอุณหภูมิที่เท่าๆกัน และรีบทำให้มากทีสุดเพราะอุณหภูมิจะไม่เท่าเดิม แลดงว่าต้องมีความคลาดเคลื่อนได้นักวิทยาศาสตร์จึงต้องทดลองซ้ำๆหลายๆครั้ง และเราไม่รู้ว่ามันจะเกิดอุณหภูมิไหนมากกว่ากัน เราไม่รู้ว่า H2O2 กับเอนไซม์หายไปเท่าไหร่ แต่เราสามารถดูได้จากปริมาณออกซิเจนหรือฟองแก๊สที่เกิดขึ้นได้ เมื่อทดลองปรากฏว่ามันคืออุณหภูมิร่างกายจริงๆ ทำให้เราได้รู้ถึงกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญที่สามารถนำไปใช้ในการทำโครงงานได้ดีอย่างมาก ทำให้นึกถึงคำของ อาจารย์นิพนธ์ ที่วา เราต้องเล่นและนำความรู้มาจับ ซึ่งก็จริงอย่างที่ท่านพูดจริงๆ
หลังจากได้ร่วมกิจกรรมเสร็จเรียบร้อย ซึ่งมีประโยชน์สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ในการทำโครงงาน ต้องขอขอบคุณท่านวิทยากรที่ให้ความรู้และสอนกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทำให้วิทยาศาสตร์ที่สนุก สนุกมากขึ้นจริงๆ และต้องขอขอบคุณ อาจารย์นิพนธ์ ที่ให้เราได้ร่วมกิจกรรมที่ดีอย่างนี้และเป็นประโยชน์ สามารถนำไปใช้ได้ต่อไป
หลังจากนั้นเราก็ไปร่วมกิจกรรมอื่นอีกมากมายทำให้ได้รู้อะไรใหม่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์อย่างมาก

วีดีโอที่ชอบ





ม.6 คลั่งเกมฆ่าแท็กซี่ สำนึกผิด เตือนอย่าเอาอย่าง

เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม


ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์


" จากกรณีที่ นายพลวัฒน์ ฉินโน หรือ บี อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนมัธยมมีชื่อแห่งหนึ่ง ลอกเลียนแบบเกมออนไลน์ยอดฮิต Grand Theft Auto หรือ GTA ลงมือฆ่าชิงทรัพย์ นายควร โพธิ์แข็ง อายุ 50 ปี คนขับแท็กซี่ ตามเนื้อหาของเกม กระทั่งถูกจับกุมนั้น


ล่าสุดเมื่อวานนี้ (3 สิงหาคม) นายสมชาย ฉินโน อายุ 43 ปี และนางสุกัญญา ฉินโน อายุ 46 ปี บิดาและมารดาของนายพลวัฒน์ ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางพลัด โดย นายสมชาย กล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า ครอบครัวมีอยู่ด้วยกัน 4 คน โดยมีน้องสาวของนายพลวัฒน์อีกหนึ่งคน ตามปกติลูกชายเป็นคนเรียบร้อย และผลการเรียนดี ไม่ใช่เด็กก้าวร้าว และทุกครั้งที่กลับจากโรงเรียนก็อ่านหนังสือ ไม่เคยออกไปเหลวไหลนอกบ้าน จึงไม่คิดว่าลูกชายทำเรื่องแบบนี้ ส่วนการเล่นเกมคอมพิวเตอร์นั้น ลูกชายจะเล่นตั้งแต่ช่วง 20.00 ไปจนถึง 23.00 น. แต่ตนไม่ดุด่า เพราะเห็นว่าลูกชายเป็นคนตั้งใจเรียน


"เวลาลูกเล่นเกมก็เห็นเขานั่งหัวเราะสนุกกับเกม ไม่คิดว่าจะเป็นสาเหตุให้ฆ่าคนได้ จนมารู้ว่าลูกชายถูกจับ ผมรีบเดินทางมาดูที่โรงพัก ผมขอฝากพ่อแม่เด็กให้ช่วยดูแลลูกหลาน คอยถามและให้คำแนะนำ และขอให้กรณีลูกผมเป็นอุทาหรณ์กับเด็กที่ชอบการเล่นเกมด้วย ผมฝากขอขมา และขอโทษญาติของคนตายด้วย ลูกผมยังมีความคิดที่ไม่บรรลุนิติภาวะ ตอนนี้ลูกรู้สึกสำนึกผิด" นายสมชาย กล่าว


ขณะที่ นายพลวัฒน์ ให้การว่า ผมเล่นเกม gta มาเกือบ 3 ปีแล้ว เล่นเป็นประจำทุกวัน วันละ 2 – 3 ชั่วโมง ทุกครั้งที่ผมเล่นเกม ผมจะรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่ทำลงไปในเกม กระทั่งแทนตัวเองเป็นตัวละครในเกม ที่สามารถทำทุกได้อย่าง ตั้งแต่การขโมยรถ การลงมือฆ่าอีกฝ่ายอย่างโหดเหี้ยม จนคิดว่าเรื่องจริงก็น่าจะง่ายเหมือนในเกม ประกอบกับอยากได้เงินไปเล่นเกม เลยอยากทดลองทำดู จึงคิดวางแผนกระทั่งสบโอกาสจึงลงมือก่อเหตุ โดยก่อนเกิดเหตุผมขอเงินแม่โดยบอกว่าจะไปซื้อของ จากนั้นผมก็ไปซื้อมีดปลายแหลม 2 เล่ม รอจนตกดึกแล้วก็หาโอกาสลวงแท็กซี่ไปชิงทรัพย์


"ก่อนหน้านี้ผมเรียกแท็กซี่แล้ว 2 คัน แต่คนขับดูแข็งแรงเลยไม่กล้าลงมือ กระทั่งมาเจอคันนี้ คิดว่าเป็นคนขับมีอายุน่าจะสู้ได้ เมื่อรถเข้ามาถึงในซอยเปลี่ยวผมก็ใช้มีดจี้คอคนขับ ตอนแรกไม่คิดว่าจะลงมือฆ่า แต่คนขับเอาประแจฟาดใส่ผม เราจึงเกิดต่อสู้กัน จากนั้นผมก็แทงเขาจนเสียชีวิต มันเหมือนในเกม ผมต่อสู้กับน้าคนขับแท็กซี่จนเขาแน่นิ่งไป ผมจึงรื้อค้นเงินแล้วพยายามขับรถหนี ทั้งๆ ที่ผมขับรถไม่เป็น สุดท้ายเลยถูกตำรวจจับกุมตัวในที่สุด"


นายพลวัฒน์ ให้การอีกว่า ผมสะสมจินตนาการจากเกมนี้ ผมอยากรู้ อยากลองว่าผมสามารถควบคุมตัวเองเหมือนในเกมได้หรือไม่ และผมเชื่อฝีมือของผมเอง ขนาดในเกมผมยังชนะได้ คิดว่ามันง่าย แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมคิดผิด ผลที่ได้รับมันมากมายมหาศาล มันไม่ง่ายเหมือนในเกม ผมอยากฝากขอโทษญาติๆ น้าคนขับแท็กซี่ และอยากฝากเตือนพี่ๆ น้องๆ อย่าทำแบบผม เพราะเรื่องจริงไม่เหมือนกับในเกม ทั้งนี้ อยากฝากไปถึงคนที่ชอบการเล่นเกมประเภทนี้ว่า อย่าไปจริงจังกับมันมาก เพราะมันเป็นแค่เกม ไม่เช่นนั้นจะลงเอยแบบตน


ด้าน นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือ ครูหยุย คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ และเลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก กล่าวว่า กรณีดังกล่าวอยากให้เป็นกรณีตัวอย่าง ที่ทุกหน่วยงานต้องหันมาให้ความสนใจพร้อมกัน ไม่ใช่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง เนื่องจากเด็กวัยรุ่นไทยสมัยนี้มีความยับยั้งช่างใจในเกณฑ์ที่ต่ำ ควบคุมตัวเองไม่ค่อยอยู่ จึงทำให้แสดงพฤติกรรมที่รุนแรงออกมา เด็กวัยรุ่นก็เหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมระเบิดทุกขณะ กรณีของนายพลวัฒน์คือระเบิดที่ระเบิดแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นทุกคนต้องหันมามองแล้วว่า ปัญหาเกิดจากอะไร และควรจะมีมาตรการปราบปรามร้านเกมเถื่อนอย่างจริงจัง "
จากกรณีที่ นายพลวัฒน์ ฉินโน หรือ บี อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียน ลอกเลียนแบบเกมออนไลน์ยอดฮิต Grand Theft Auto หรือ GTA ลงมือฆ่าชิงทรัพย์ นายควร โพธิ์แข็ง อายุ 50 ปี คนขับแท็กซี่ ตามเนื้อหาของเกม กระทั่งถูกจับกุมนั้น อาจเกิดได้หลายประการ ประการแรกจากอาการป่วยทางจิตของ นาย พลวัฒน์ ฉินโน ที่ไม่สามารถแยกระหว่างโลกของเกม และ โลกแห่งความเป็นจริงได้ ด้วยอาการผิดปกติทางจิตนี้ ทำให้ลงมือก่อคดีฆาตกรรมได้ โดยไม่ทราบว่านี่คือเรื่องจริงหรือไม่ ประการที่สองอาจเกิดจากความเครียดความกดดัน เพราะเป็นคนที่เรียบร้อย การมีความกดดันความไม่มีความสุข แต่ไม่สามารถระบายความเครียดด้วยการปรึกษาผู้ปกครอง จึงระบายด้วยการเล่นเกมที่โหดร้าย ซึ่งสังเกตได้จากการที่เห็นเขานั่งหัวเราะสนุกกับเกมซึ่งเป็นการระราย ความเครียดของเขาทางหนึ่ง และคงคิดว่า ถ้าเป็นการกระทำจริงละก็อาจจะมีความสุขมากกว่าหลายเท่านัก จึงลงมือกระทำ ประการที่สาม อาจเกิดจากการที่ผู้ลงมือกระทำการนั้น มีนิสัยภายในที่ไม่ดีอยู่แล้ว ซึ่งสังเกตได้จากการที่ผู้ต้องหาอยากได้เงิน อยากปล้นเขาเสียมากกว่า และคิดแผนการโดยเรียนแบบในเกม เพราะ เห็นว่าในเกมนั้นสามารถทำได้เอาไม่ผิด จึงเอาตามอย่าง จากคำให้การที่ว่า “ก่อนหน้านี้ผมเรียกแท็กซี่แล้ว 2 คัน แต่คนขับดูแข็งแรงเลยไม่กล้าลงมือ กระทั่งมาเจอคันนี้ คิดว่าเป็นคนขับมีอายุน่าจะสู้ได้” แสดงให้เห็นว่าผู้ต้องหานั้นมีจิตที่ปกติ แต่เป็นนิสัยที่ขาดการอบรม จึงได้ว่าแผนโดยเอาตามแบบเกมที่คอยเล่น ได้อย่างแยบยล เนื่องจากการที่เห็นว่าในเกมนั้น สามารถขโมยหรือฆ่าคนได้ง่าย จึงลงมือทำตาม ด้วยนิสัยที่ไม่ดีจึงสามารถตัดสินใจทำลงไปได้ ประการที่สี่ มีความยับยั้งช่างใจในเกณฑ์ที่ต่ำ ควบคุมตัวเองไม่ค่อยอยู่ จึงทำให้แสดงพฤติกรรมที่รุนแรงออกมา ไม่รู้ว่าสิ่งไหนผิด สิ่งในถูกเท่าที่ควร ซึ่งเกิดจากการที่ผู้ปกครองไม่เอาใจใส่ดูแล จึงทำให้บรรทัดฐานภายในใจที่แยกระหว่างความถูกกับความผิดต่ำ จึงสามารถลงมือได้อย่างไม่กลัวความผิด และความเชื่อมั่นในฝีมือของตนเองในวัยรุ่นที่ว่าอยากรู้ว่า ตัวเราจริงจะมีความสามารถเหมือนในเกมหรือเปล่า ประการที่ห้าประการสุดท้าย เกิดจากการซึมซับเอาอารมณ์ที่ก้าวร้าว ไปจากการที่ได้เล่นเกม จึงมีอารมณ์ที่รุนแรงอย่างมาก ซึ่งเป็นสาเหตุมาจากการเล่นเกมที่รุนแรงทุกวัน แต่ประการนี้นั้นไม่สามารถชี้ชัดได้อย่างชัดเจน เพราะดูจากอายุของผู้ต้องหาแล้ว น่าจะมีความโตของจิตใจที่เพียงพอที่จะสามารถแยกความจริงออกจากเกมได้ ก็ไม่น่าจะดูดซับอารมณ์ที่รุนแรงลงไปในจิตใจได้ ซึ่งสาเหตุทั้งหลายข้างตนนั้นเราสามารถที่จะป้องกันได้ ซึ่งประการที่สำคัญและยากที่สุด คือการปลูกฝังจิตสำนึกของคนทุกคนให้มีความดีอยู่ในหัวใจ ให้เป็นคนที่มีบรรทัดฐานในหัวใจว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ อะไรเป็นสิ่งที่ถูก อะไรเป็นสิ่งที่ผิด ซึ่งไม่ว่าจะมีอารมณ์ที่รุนแรงอย่างได้ก็ไม่สามารถกระทำความผิดได้ เพราะมีความยับยั้งชั่งใจ ซึ่งผู้ปกครองต้องคอยดีแลเอาใจใส่อย่างดี คอยให้คำปรึกษา ใกล้ชิดผูกพัน ไม่ควรจะไม่ให้เลิกเล่นเกมเพราะมันเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เนื่องจากเกมแต่ละเกมก็มีข้อดีในแต่ละอย่างต่างกันไป เราควรจะหันมาเคร่งคัดกับการจำกัดอายุของผู้เล่นว่าอายุใดนั้นที่จะสามารถเล่นเกมหนึ่งนี้ได้เพื่อป้องกันการซึมซับอารมณ์ต่างๆ และควรที่จะเสนอเนื้อหาภายในเกมว่าการกระทำความผิดนั้นไม่ดี โดยอาจเสนอว่าผู้เล่นถูกตำรวจจับที่ครั้งที่กระทำผิด และเขียนอธิบาย และสอนคุณธรรมไปด้วยในระหว่างเกม
ร่วมกันแสดงความคิดเห็นนะครับ

“High Tc Superconductor” And “Thin Film Diamond”

วิทยากร รศ.ดร. วิสุทธิ์ ฐิติรุ่งเรือง จาก ภาควิชาอิเล็กทรอนิกส์ คณะวิศวกรรมศาสตร์
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง
วันที่พุธที่ 18 มิถุนายน 2551
สถานที่ ห้อง 202 ตึก 3

ท่านวิทยากรได้ให้ความรู้เกี่ยวกับตัวนำไฟฟ้ายิ่งยวดและแผ่นฟิล์มเพชร ซึ่ง High Tc Superconductorหรือตัวนำไฟฟ้ายิ่งยวดยวดนั้น มีคุณสมบัติในการนำไฟฟ้าได้ดีอย่างคาดไม่ถึง พูดได้ว่า มีความต้านทานไฟฟ้าเป็นศูนย์เลยก็ว่าได้ จึงทำให้กระแสไฟฟ้านั้นไหลผ่านได้ทั้งหมด และตัวนำไฟฟ้ายิ่งยวดได้รับการค้นคิดตั้งแต่ปี 1986 และได้รับการพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน แล้วตัวนำไฟฟ้ายิ่งยวดนี้มรคุณสมบัติพิเศษหลายประการคือ ปรากฏการณ์ ไมส์เนอร์ (Meissner) คือการไม่ยอมให้สนามแม่เหล็กผ่านไปได้เลยของตัวนำไฟฟ้ายิ่งยวด ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ในการทำรถไฟหัวจรวจในปัจจุบัน ปรากฏการณ์ไร้ความต้านทาน (Zero Resistance) คือการที่ตัวนำไฟฟ้านั้นมีความต้านทานเป็นศูฯย์ ทำให้ไฟฟ้าสามารถไหลผ่านได้อย่างเต็มที่ และปรากฏการณ์ Silsbee คือปรากฏการณ์ที่สนามแม่ เหล็กทำลายเนื้อสารบางส่วนของตัวนำไฟฟ้า เกิดจากการได้รับกระแสมากเกินไป ทำให้พลังงานที่มีมากนั้นไปทำลายเนื้อสารของลวดตัวนำ ตัวนำไฟฟ้ายิ่งยวดนั้นมี2ชนิดคือชนิด Y-Ba-Cu-O และ Gd-Ba-Cu-O ซึ่งวิธีในการผลิตนั้นมีมากมายหลายขั้นตอน ใช้เวลาทำหลายวันเลยทีเดียว เริ่มจากนำสารโลหะมาบดรวมกันด้วยอัตราส่วนที่คงที่ จนถึง รอให้อุณหภูมิลดต่ำลงหลังนำเข้าเตาอบความร้อนสูง กว่าจะได้ตัวนำไฟฟ้ายิ่งยวดมาก็ลำบากพอควร
โดยชนิด Gd-Ba-Cu-O มีสมบัติพิเศษแตกต่างจากชนิดY-Ba-Cu-O คือ เมื่อดูกราฟความสัมพันธ์ระหว่างกระแสกับแรงดันไฟฟ้าพบว่ามีปรากฏการณ์เรียกว่าเป็นNegative Resistanceคือการที่บางช่วงเวลาจะแรงดันเพิ่มขึ้นแล้วกระแสลดลง และในปัจจุบันได้มีการนำความรู้เกี่ยวกับตัวนำไฟฟ้ายิ่งยวดไปประยุกต์ใช้สร้างสิ่งประดิษฐ์ Maglev โดยใช้ตัวนำไฟฟ้ารองรางรถไฟฟ้า แล้วใช้การปล่อยสนามแม่เหล็กใต้รางรถไฟฟ้า ตัวนำไฟฟ้าซึ่งเกิดปรากฏการณ์ ไมส์เนอร์ (Meissner)ก็จะไม่ยอมให้สนามแม่เหล็กผ่านได้เลย ก็จะลอยตัวขึ้นจากรางเล็กน้อยทำให้ไร้แรงเสียดทานระหว่างล้อกับรางรถไฟฟ้า และด้วยลักษณะของรถไฟฟ้าลดแรงต้านอากาศจึงทำให้สามารถวิ่งได้อย่างรวดเร็วมากๆ ซึ่งหลักจากที่ได้รับฟังคำบรรยายเราก็ได้รับความรู้ไปอย่างมากมาย ซึ่งหาประสบการณ์แบบนี้ไม่ได้ที่ไหน
และท่านก็ได้สอนเกี่ยวกับThin Film Diamond หรือแผ่นฟิล์มเพชร คือการสังเคราะห์เพชรจากการจัดเรียงตัวใหม่ของ C ในถ่านหรือแกร์ไฟต์ ซึ่งต้องใช้ความร้อนและความกดดันที่สูงมากๆ และสามารถเพิ่มราคาให้สูงขึ้นได้ หากสีธาตุบางชนิดลงไปด้วยก็จะทำให้มีสีที่เปลี่ยนไปจากเดิม ส่งผลให้ราคาสูงขึ้นกว่าหลายเท่าเลยที่เดียว เมื่อทำซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆจะได้ผลึกของเพชรเล็กๆมากมาเกาะกันเป็นแผ่นซึ่งสามารถนำมาทำเป็นไดโอด และทรานซิสเตอร์ที่มีประสิทธิ์ภาพได้อย่างไม่น่าเชื่อ

นาโนเทคโนโลยี

วิทยากร ดร. เวฬุรีย์ ทองคำ จาก ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ ( สวทช.)
วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม 2551 และวันพุธที่ 30 กรกฎาคม 2551
สถานที่ ห้อง 202 ตึก 3
ท่านวิทยากรได้ให้ความรู้เกี่ยวกับนาโนเทคโนโลยี ด้วยการฟังบรรยายในวันแรก และ ทดลองในวันที่ 2
ซึ่งเนื้อหาที่ได้รับความรู้มีดังนี้
ขนาดเล็กที่จะถึงระดับโนนาเมตรคือระดับอะตอมของโมเลกุล ยาวเท่ากับธาตุไฮโดรเจน 10 อะตอมเรียงกัน ซึ่งอาณาจักรนาโน ต้องมีขนาดตั้งแต่ นาโนเมตร - 100 นาโมเมตร ซึ่งนาโนเทคโนโลยี คือ เทคโนโลยีที่ประยุกต์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาใช้เกี่ยวกับการสร้าง หรือ สังเคราะห์สิ่งของที่มีขนาดเล็กในช่วง 1 ถึง 100 นาโนเมตร จะทำให้ของสิ่งนั้นมีหน้าที่ใหม่ๆและสมบัติที่พิเศษต่างจากเดิม ซึ่งเทคโนโลยีเกี่ยวกับนาโนนี้สำคัญ เพราะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับงานทุกสาขาและทุกอุตสาหกรรม แม้จะมีขนาดเล็กลง แต่คุณสมบัติหรือประโยชน์นั้นกลับเพิ่มมากขึ้น ช่วยให้คิดค้นจนค้นพบวัสดุใหม่ที่มีคุณสมบัติพิเศษซึ่งเป็นรากฐานของอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆที่ไม่เคยมีมากก่อน จะใช้ในการยกระดับและเพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรมที่มีอยู่ และ ริเริ่มอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งเทคโนโลยีสามารถประยุกต์ไปใช้ได้กับอุตสาหกรรม ใช้ในการวัสดุ ด้านวิศวกรรม พลังงาน ตัวเร่งปฏิกิริยา อิเล็กทรอนิกส์ ฮาร์ดแวร์ การแพทย์ เทคโนโลยีชีวภาพ ยานยนต์ เป็นต้น
คุณสมบัติพิเศษที่เกิดจากความเล็กระดับนาโนเป็นผลมาจากปรากฏการณ์ทางควอนตัม ผลจากพื้นที่ผิวหน้า ผลจากผิวสัมผัส และ จากกฎการลดขนาด ซึ่งในธรรมชาตินั้นก็มีเทคโนโลยีนาโนซ่อนอยู่ ตัวอย่างเช่น น้ำกลิ้งบนใบบัวแล้วใบบัวไม่เปียก เท้าของตุ๊กแกที่สามารถเกาะได้ทุกพื้นผิวและเกาะติดแน่น ผลึกโฟโตนิกส์บนปีกผีเสื้อที่สามารถเปลี่ยนสีได้เมื่อขยับปีก และเส้นใยแมงมุมที่เกิดจากเส้นใยเล็กรวมกัน เป็นต้น
ด๊อกเตอร์ ริชาร์ด ฟายน์แมน เป็นบิดาแห่งนาโนเทคโนโลยี ท่านวิทยากรได้บอกว่านาโนเทคโนโลยีก็อาจอันตรายได้ ถ้าหากไม่ระมัดระวัง ทำอนุภาคเล็กๆนาโนรั่วไหลเข้าไปสู่สิ่งแวดล้อม ทำให้สภาพแวดล้อมเสื่อมเสียได้ หรือ อาจเกิดผลเสียแก่ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับวัสดุทางธรรมชาติ มีวัสดุมาทดแทน ได้ หรือถูกใช้ในทางเป็นพิษโดยอาชญากร อีกทั้งท่านยังได้แนะแนวทางให้การศึกษาต่อทางด้านเทคโนโลยีอีกด้วย
ในวันที่2 เราได้มีโอกาสที่ได้ทดลองเกี่ยวกับนาโนเทคโนโลยี ซึ่งหาโอกาสนี้ได้ยาก เราจึงตั้งใจทำจนประสบผลสำเร็จ ถึง 2 การทดลอง การทดลองแรกคือดูการเปลี่ยนสีของอนุภาคทองคำนาโนขนาดเล็ก เมื่อเติมสารลงไปก็จะเกิดการเปลี่ยนสี เพราะขนาดของอนุภาคทองคำเปลี่ยนแปลงขนาดไป ส่วนการทดลองที่ 2 นั้น คือ การสังเคราะห์เหล็กไหล ซึ่งน่าทึ่งมากที่ของเหลวสามารถถูกดึงดูดได้ด้วยแม่ไหล ทำให้ไหลไปตามอำนาจแม่เหล็กได้ จาการทดลองทั้งสอง ทำให้เราได้ทดลองใช้เครื่องมือต่างๆหลายชนิด ที่ไม่เคยใช้มาก่อน และได้รู้จักการใช้กระบวนการทางด้านวิทยาศาสตร์ และได้ช่วยในการเก็บอุปกรณ์การทดลอง ให้เราฝึกความรับผิดชอบ และรู้จักการเสียสละแก่ผู้อื่น
จากการที่ได้ศึกษาเกี่ยวกับนาโนเทคโนโลยีนั้นเราได้รับความรู้และประสบการณ์มากมาย ที่หาไม่ได้ ซึ่งขอขอบคุณท่านวิทยากรเป็นอย่างสูงที่ได้ให้ความรู้กับพวกเรา และท่านอาจารย์ที่ให้ได้เชิญวิทยากรดีมาให้พวกเราได้รับความรู้ที่น่าจดจำ